Assassin’s Creed 2 เกมแอ็กชันเรอเนสซองส์ที่ทำให้เราตกหลุมรัก Ezio

Browse By

ถ้าพูดถึงภาคที่ทำให้ซีรีส์ Assassin’s Creed กลายเป็น “ตำนาน” จริง ๆ ชื่อที่แทบทุกคนจะนึกถึงพร้อมกันคือ Assassin’s Creed 2 นี่แหละ ภาคที่พาเราไปวิ่งรูฟท็อปบนหลังคาบ้านในฟลอเรนซ์ กระโดดลงกองฟางในเวนิส และตามดูชีวิตของหนุ่มเพลย์บอยที่จะค่อย ๆ กลายเป็น Master Assassin อย่าง Ezio Auditore da Firenze แบบเต็มตา

Assassin’s Creed 2 วางจำหน่ายครั้งแรกปี 2009 บน PS3 และ Xbox 360 ก่อนจะตามไปลง PC และ Mac ในปีถัดมา เป็นผลงานของ Ubisoft Montreal ที่ต่อยอดจากภาคแรกแบบ “แก้ทุกอย่างที่คนบ่น แล้วยัดของดีเพิ่มเข้าไปอีกเยอะ” ทั้งระบบภารกิจที่หลากหลายขึ้น เมืองที่มีชีวิต การปีนป่ายที่ลื่นขึ้น และเนื้อเรื่องที่เล่าได้ทั้งสนุก ทั้งดราม่า ทั้งโรแมนติกในคราวเดียวกัน

สำหรับสายเกมที่ชอบ “ลุ้น” ตั้งแต่กระโดด Leap of Faith ไปจนถึงปีนหอระฆังแบบเฉียดตกตึก ฟีลมันไม่ต่างจากคนที่ชอบลุ้นนอกเกมเลย ไม่ว่าจะเป็นลุ้นผลบอล ลุ้นบาส ลุ้นสเต็ปบนเว็บกีฬาใหญ่ ๆ ที่บ้านเรารู้จักกันดีอย่าง ทางเข้า UFABET ล่าสุด ต่างกันแค่อย่างหนึ่งคือ ถ้าพลาดใน Assassin’s Creed 2 ก็แค่ Ezio ตกจากยอดหอคอย แต่ถ้าพลาดในโลกจริง…อาจจะเสียมากกว่านั้นหน่อย 😅

บทความนี้เราเลยจะพาไปย้อนดูว่า Assassin’s Creed 2 พิเศษยังไง ทำไมใคร ๆ ถึงบอกว่า “ถ้าจะลองซีรีส์นี้ ให้เริ่มที่ภาคเอซิโอ” และในปี 2025–2026 ถ้าจะกลับไปเล่นอีกครั้ง ควรเล่นเวอร์ชันไหน พร้อมเล่าทิปส์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนที่อยากหวนคืนฟลอเรนซ์ด้วยหัวใจที่แก่ขึ้น แต่ยังรัก Ezio เท่าเดิม


Assassin’s Creed 2 โดยสรุป: ภาคแจ้งเกิดของ Ezio Auditore

ข้อมูลพื้นฐาน

  • ผู้พัฒนา: Ubisoft Montreal
  • ผู้จัดจำหน่าย: Ubisoft
  • แนวเกม: Action-Adventure, Stealth (โลกเปิด)
  • เอนจิน: Anvil
  • ปีที่วางจำหน่าย:
    • PS3 / Xbox 360 – พฤศจิกายน 2009
    • PC – มีนาคม 2010
    • Mac OS X – ตุลาคม 2010
  • แพลตฟอร์มที่เล่นได้ปัจจุบัน:
    • PS3, Xbox 360, PC, Mac
    • รีมาสเตอร์ในชุด Assassin’s Creed The Ezio Collection บน PS4, Xbox One, Nintendo Switch (เล่นบน PS5/Xbox Series ผ่าน BC ได้)

เราเล่นเป็น Desmond Miles ในปัจจุบัน ที่ถูกจับไปใช้เครื่องชื่อ Animus 2.0 เพื่อย้อนดูความทรงจำของบรรพบุรุษเขาในยุคศตวรรษที่ 15 นั่นก็คือ Ezio Auditore da Firenze ชายหนุ่มลูกขุนนางในฟลอเรนซ์ที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ จีบสาว ชกต่อย จนวันหนึ่งชีวิตพังทลายและถูกบังคับให้เติบโตขึ้นเป็นมือสังหารเต็มตัว

เนื้อเรื่องของ Assassin’s Creed 2 จึงไม่ได้มีแค่ “สงครามระหว่าง Assassin กับ Templar” แต่เป็น เรื่องราวการเติบโตของคนคนหนึ่ง ที่เริ่มจากความแค้น แล้วค่อย ๆ กลายเป็นความเข้าใจในโลก ความยุติธรรม และความหมายของการต่อสู้ในระยะยาว


ตารางสรุปข้อมูล Assassin’s Creed 2

หัวข้อรายละเอียด
ชื่อเกมAssassin’s Creed II
ผู้พัฒนาUbisoft Montreal
แนวAction-Adventure, Stealth, Open World
บริบทเวลายุคเรอเนสซองส์อิตาลี ปลายศตวรรษที่ 15 – ต้นศตวรรษที่ 16 (ฟลอเรนซ์, เวนิส, ทัสคานี, โรมิน่า ฯลฯ)
ตัวเอกEzio Auditore da Firenze (ผ่านความทรงจำของ Desmond Miles)
จุดเด่นพาร์คัวร์ลื่นขึ้น ภารกิจหลากหลาย ระบบเงินและวิลล่า เมืองโอเพ่นเวิลด์มีชีวิต ตัวละครและเนื้อเรื่องเข้าถึงง่าย
เวอร์ชันปัจจุบันแนะนำAssassin’s Creed The Ezio Collection บน PS4/PS5, Xbox One/Series, Nintendo Switch

ทำไม Assassin’s Creed 2 ถึงถูกเรียกว่า “ภาคแก้มือที่สมบูรณ์แบบ”

ภาคแรกของ Assassin’s Creed (2007) โดนชมเรื่องไอเดีย การปีนเมืองยุคสงครามครูเสด และคอนเซ็ปต์ Animus แต่โดนบ่นหนักเรื่อง “ภารกิจซ้ำ” กับความจำเจของโครงสร้างเกม

Assassin’s Creed 2 เลยออกมาในสภาพ “ขอฟังทุกอย่างที่คนบ่น แล้วแก้ให้หมดเท่าที่จะทำได้”

ภารกิจหลากหลายขึ้น ไม่ใช่แค่ไปล้วงกระเป๋า ฟังคนคุย

ในภาค 2 เราจะได้ทำภารกิจหลากหลายมาก ตั้งแต่

  • ลอบสังหารเป้าหมายกลางงานเทศกาล
  • วิ่งแข่งบนหลังคาบ้าน
  • ขี่ม้าไล่ล่าบนถนนชนบททัสคานี
  • ดำน้ำหนีศัตรูตามคลองเวนิส (ภาคนี้ว่ายน้ำได้แล้ว ไม่จมน้ำแบบภาคแรก)
  • ปลดล็อกสุสาน Assassin เพื่อเอาเกราะพิเศษ

ทุกอย่างถูกออกแบบให้ เล่าเรื่องไปพร้อมกัน ทำให้รู้สึกว่าความก้าวหน้าของเรามีความหมายจริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำเช็กลิสต์

ระบบพาร์คัวร์และการปีนป่ายที่ลื่นกว่าเดิม

ระบบปีนตึกในภาคแรกถือว่าเจ๋งแล้ว แต่ใน Assassin’s Creed 2 ทีมงานขัดเกลาแอนิเมชันให้เนียนขึ้น เพิ่มจุดจับ เพิ่มวิธีปีน ทำให้การไล่ล่าบนรูฟท็อปฟีลดีขึ้นอย่างชัดเจน

เวลาวิ่งหนีศัตรูแล้วโดดข้ามหลังคา ขึ้นหอระฆัง แล้วกระโดดลงกองฟาง มันสะใจและ “ไหลลื่น” กว่าภาคแรกแบบรู้สึกได้

ระบบเงินและการบริหารวิลล่า Monteriggioni

หนึ่งในของเล่นสำคัญคือ วิลล่าของครอบครัว Auditore ที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อ Monteriggioni

  • เราปรับปรุงเมืองได้ เช่น ร้านค้า โบสถ์ กำแพง ฯลฯ
  • ยิ่งอัปเกรด เมืองก็ยิ่งมีรายได้กลับมาให้เราในรูปแบบ “รายได้พาสซีฟ”
  • เงินที่ได้มานำไปซื้อชุดเกราะ อาวุธ และไอเท็มได้อีก

นี่คือการใส่ระบบกึ่ง ๆ “บริหารบ้าน” เข้าไปในเกมแอ็กชันลอบสังหาร ทำให้รู้สึกเหมือน Ezio มีฐานที่มั่นของตัวเอง ไม่ใช่แค่วิ่งทำงานไปวัน ๆ

คะแนนรีวิวที่บอกแทนทุกอย่าง

ตอนออกใหม่ Assassin’s Creed 2 ได้คะแนน Metacritic ประมาณ 90–91/100 บนคอนโซลหลัก ถือเป็นภาคที่คะแนนสูงที่สุดภาคหนึ่งของซีรีส์เลยทีเดียว

นักวิจารณ์ชมเกือบตรงกันว่า “เป็นภาคต่อที่ปรับปรุงแทบทุกอย่างจากภาคแรก” ทั้งเกมเพลย์ เนื้อเรื่อง และจังหวะการเล่า


โลกยุคเรอเนสซองส์อิตาลี: เดินในเมืองเหมือนเดินในพิพิธภัณฑ์มีชีวิต

หนึ่งในเสน่ห์ใหญ่ของ Assassin’s Creed 2 คือการพาเราไปเดินใน

  • ฟลอเรนซ์ (Firenze) – เมืองศูนย์กลางศิลปะและธนาคาร
  • เวนิส (Venezia) – เมืองคลองสุดโรแมนติก ปนการเมืองเละไม่แพ้น้ำในคลอง
  • ทัสคานี / ซาน จิมิญญาโน – เมืองชนบทหอคอยสูง ๆ ทุ่งองุ่นสวย ๆ
  • โรมิน่า / โฟร์ลี – เมืองเล็กเมืองน้อยที่เต็มไปด้วยการชิงอำนาจของตระกูลใหญ่

เมืองพวกนี้ไม่ได้มีแค่ตึกสวย ๆ ให้ปีน แต่เต็มไปด้วย

  • NPC เดินพลุกพล่าน
  • ตลาด ร้านค้า
  • ศิลปิน นักเลง ทหาร โจร
  • เสียงดนตรียุคเรอเนสซองส์

เกมยังมี Database ที่เมื่อเรามองตึกสำคัญหรืออนุสาวรีย์ จะมีข้อมูลประวัติศาสตร์ขึ้นมาให้เราอ่านแบบยุคคนขี้เกียจอ่านตำรา แต่ดันอ่าน Wiki ในเกมแทน

เราจะได้เห็นชื่อจริง ๆ อย่าง

  • Lorenzo de’ Medici
  • Rodrigo Borgia (สมเด็จพระสันตะปาปา Alexander VI ในประวัติศาสตร์)
  • บรรดานักการเมือง นักบวช และจิตรกรยุคเรอเนสซองส์

ทำให้โลกของ Assassin’s Creed 2 รู้สึกทั้งเป็น “สนามเด็กเล่น” สำหรับวิ่งปีนตึก และเป็น “ห้องเรียนประวัติศาสตร์” แบบเนียน ๆ ในเวลาเดียวกัน


Leonardo da Vinci เพื่อนสนิทคนเก่งที่สุดในซีรีส์

พูดถึง Assassin’s Creed 2 แล้วไม่พูดถึง Leonardo da Vinci ไม่ได้เลย เพราะในภาคนี้เขาไม่ใช่แค่ศิลปิน / นักประดิษฐ์ในตำราเรียน แต่เป็น

“เพื่อนเนิร์ดของ Ezio ที่คอยอัปเกรดของให้เราแบบโคตรเท่”

Leonardo ในเกมจะช่วย

  • แปลสมุดเขียนรหัสของ Altair
  • ออกแบบและอัปเกรด Hidden Blade, อุปกรณ์พิเศษต่าง ๆ
  • ถึงขั้นมีภารกิจใช้เครื่องร่อนของเขาบินเหนือเมืองเวนิส

ทุกครั้งที่เราไปหา Leonardo จะรู้สึกเหมือนเราไปหาช่างแต่งรถ แต่นี่เป็นช่างแต่ง “อุปกรณ์มือสังหาร” แทน ความสัมพันธ์ของเขากับ Ezio ก็เต็มไปด้วยมุกขำ ๆ และความอบอุ่น เป็นอีกส่วนที่ทำให้ภาคนี้มีมนุษยธรรมสูงกว่าภาคอื่นหลายภาค


ระบบเกมเพลย์หลักใน Assassin’s Creed 2

พาร์คัวร์และการปีน

หัวใจของซีรีส์ตั้งแต่ภาคแรกคือ การปีนป่ายเมือง และ Assassin’s Creed 2 พัฒนาจุดนี้ให้สมูทขึ้นอย่างชัดเจน

  • Ezio สามารถปีนตึก หอคอย โบสถ์ ได้เกือบทุกแห่งในเมือง
  • เราสามารถปีนขึ้นสู่จุดซิงค์ (Viewpoint) เพื่อเปิดแผนที่รอบ ๆ
  • การกระโดดข้ามหลังคา การโหนราว การไต่หอระฆัง ทำได้เร็วขึ้นและตอบสนองดีกว่าเดิม

นี่ยังเป็นยุคที่เกมเน้น “พาร์คัวร์ในเมืองแนวตั้ง” ซึ่งภายหลังแฟน ๆ หลายคนเรียกร้องให้ภาคใหม่ ๆ กลับมาสนใจจุดนี้มากขึ้นอีก จนล่าสุดใน Assassin’s Creed Mirage ก็เริ่มมีการปรับระบบการกระโดดและพาร์คัวร์ให้แฟนเก่ารู้สึกคุ้นมือมากขึ้น เช่น เพิ่มตัวเลือกปรับจังหวะกระโดดเอง และดีดตัวจากขอบตึกได้ละเอียดกว่าเดิม

การลอบสังหารและการต่อสู้

ภาคนี้ให้เราทำได้ทั้ง

  • ลอบสังหารจากด้านหลัง / บนหลังคา / จากกองฟาง
  • แฝงตัวในกลุ่มคน เช่น โสเภณี พระ หรือสายโจร เพื่อผ่านยาม
  • ใช้อาวุธหลากหลายทั้งดาบ สั้น ยาว ขวาน หอก ปืนลับ ฯลฯ

ระบบต่อสู้ยังมีจังหวะ counter ขั้นเทพที่ถ้าจับจังหวะดี ๆ สามารถ “สวนทีเดียวตาย” ศัตรูได้หลายแบบ แอบมีฟีลเท่ ๆ แบบหนังฮีโร่ดาบอยู่เหมือนกัน

ระบบ Notoriety – ดังก็โดนตามล่า

เมื่อเราฆ่าคนกลางเมือง ทำผิดกฎ ทำเรื่องดัง ๆ บ่อย ๆ เกมจะเพิ่ม ระดับชื่อเสียง (Notoriety)

  • ชื่อเสียงสูง – ยามจะจำหน้าเราได้ทันที วิ่งเข้ามาตรวจ
  • เราต้องไปฉีกประกาศจับ / ซื้อสำนักข่าวให้พูดแทน / ฆ่าพยานบางคน เพื่อลดระดับชื่อเสียงลง

นี่ทำให้การเล่น Assassin’s Creed 2 มีมิติด้าน “การบริหารภาพลักษณ์” เพิ่มขึ้นมา ไม่ใช่แค่เดินฟันคนทั้งเมืองแล้วทำหน้าเฉย ๆ

พูดถึงเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้ ก็แอบคล้ายชีวิตคนที่ชอบไปลุ้นสกอร์จริงบนสนามเดิมพันเหมือนกัน ถ้าเล่นอย่างมีสติ กำหนดทุน และรู้จักหยุด ก็เหมือนลด Notoriety ให้ตัวเองในชีวิตจริง ไม่ต่างกับเราคอยเช็กหน้าตัวเองในเมืองเกม แล้วค่อย ๆ ล้างบาปด้วยการไม่ทำอะไรโง่ ๆ ต่อไป…ต่างกันแค่นี่เป็นเกม ส่วนอีกอย่างคือของจริงบนเว็บอย่าง สมัคร UFABET ที่ถ้าจะเล่นก็ต้องดูงบตัวเองให้ดีเหมือนกัน


ตัวละคร: จากเด็กคุณหนูเพลย์บอยสู่ตำนาน Master Assassin

Ezio Auditore da Firenze

Ezio ตอนต้นเรื่องคือ

  • ลูกชายตระกูลธนาคารผู้ดีในฟลอเรนซ์
  • ใช้ชีวิตวัน ๆ แบบ “ตื่นมาชกต่อยกับแก๊งคู่อริ ตอนค่ำไปปีนระเบียงจีบสาว”
  • มีความเป็นวัยรุ่นสด ๆ ที่ทำอะไรตามใจตัวเอง

แต่เมื่อครอบครัวถูกหักหลัง ทุกอย่างพังทลายลงในวันเดียว เขาจึงจำใจต้องหนีออกจากเมือง และค่อย ๆ เรียนรู้ว่ามีสงครามใหญ่กว่านั้นระหว่าง Assassins กับ Templars ที่ครอบงำโลกอยู่เบื้องหลัง

ความเก่งของการเล่าเรื่องในภาคนี้ คือทำให้เรารู้สึก “โตไปพร้อม Ezio” จากเด็กหนุ่มใจร้อน สู่ชายวัยกลางคนที่รู้จักวางแผนอดทน และในภาคถัด ๆ ไป (Brotherhood, Revelations) เราจะได้เห็นเขาในหลายช่วงวัยอย่างครบวงจร

ตัวละครสำคัญคนอื่น ๆ

  • Giovanni Auditore – พ่อของ Ezio มือสังหารลับที่พยายามปกป้องครอบครัว
  • Mario Auditore – ลุงสุดเท่ของ Ezio เจ้าของวลียอดฮิต “It’s-a me, Mario!” (ใช่ครับ เขาล้อ Mario ของ Nintendo แบบโจ่งแจ้งเลย)
  • Leonardo da Vinci – เพื่อนนักประดิษฐ์สุดเนิร์ดและจริงใจของเรา
  • Rodrigo Borgia – ตัวร้ายใหญ่ ภายหลังกลายเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา Alexander VI ในประวัติศาสตร์จริง
  • Caterina Sforza, Lorenzo de’ Medici ฯลฯ – ตัวละครจากหน้าประวัติศาสตร์ที่มาปรากฏในเกมอย่างมีสีสัน

ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครพวกนี้คือสิ่งที่ทำให้ Assassin’s Creed 2 รู้สึก “อบอุ่นกว่าที่คิด” ไม่ใช่แค่เกมลอบสังหารดาร์ก ๆ อย่างเดียว


Assassin’s Creed The Ezio Collection: วิธีกลับไปหา Ezio ในปี 2025

ถ้าถามว่า “ถ้าอยากเล่น Assassin’s Creed 2 วันนี้ ต้องไปขุด PS3/360 มาไหม?” คำตอบคือ ไม่จำเป็น

Ubisoft รวบรวม Assassin’s Creed 2 + Brotherhood + Revelations ไว้ในชุด Assassin’s Creed The Ezio Collection

  • รวมแคมเปญเนื้อเรื่องหลักทั้งสามภาค
  • รวม DLC เนื้อเรื่องเดี่ยวทั้งหมด
  • ปรับกราฟิก HD ให้เหมาะกับจอยุคใหม่
  • มีลงบน PS4, Xbox One, Nintendo Switch และเล่นบน PS5/Xbox Series ได้ผ่าน Backward Compatible

ถ้าอยาก “ซึมความเป็น Ezio แบบเต็ม ๆ” การเล่นตั้งแต่ Assassin’s Creed 2 ยาวไป Brotherhood และ Revelations ผ่านชุดนี้ คือทางเลือกที่สบายสุด ได้ครบทั้งเนื้อเรื่องหลักและตอนจบชีวิตของเขาในฐานะ Master Assassin


Assassin’s Creed 2 ในยุค Shadows และ Mirage: ยังน่าเล่นอยู่ไหม?

ตอนนี้ซีรีส์ Assassin’s Creed เดินทางมาถึงยุคของ

  • Assassin’s Creed Mirage ที่เน้นกลับไปสู่รากเหง้าแบบลอบสังหารเมืองแนวตั้ง และเพิ่งประกาศ DLC ฟรี Valley of Memory เพิ่มเนื้อเรื่องใหม่ ระบบพาร์คัวร์ดีขึ้น และให้เล่นภารกิจซ้ำได้แบบจัดเต็ม
  • Assassin’s Creed Shadows ที่พาเราไปญี่ปุ่นยุคเซ็นโกคุ พร้อมเทคโนโลยีลมและสภาพอากาศสมจริง “Atmos” แถมคะแนนรีวิวเปิดตัวค่อนข้างดีบน Steam และคอนโซลใหม่ ๆ

คำถามคือ แล้ว Assassin’s Creed 2 ยังไหวไหมในยุคนี้?

คำตอบของเราคือ “ยังไหวแบบสบาย ๆ แต่ต้องเข้าใจว่าเป็นเกมยุค 2009”

  • ระบบปีนยังไม่อิสระเท่าภาค Unity หรือ Mirage
  • บางแอนิเมชันอาจดูแข็งเมื่อเทียบกับเกมปี 2025
  • กล้องและการล็อกเป้าอาจมีมุมที่ทำให้หัวร้อนบ้าง

แต่ในด้าน

  • บรรยากาศเมือง
  • การออกแบบภารกิจ
  • การเล่าเรื่องของ Ezio และครอบครัว
  • ฟีล “วิ่งบนหลังคายุคเรอเนสซองส์”

Assassin’s Creed 2 ยังเป็นภาคที่หลายคนยกให้เป็น Top 1–2 ของซีรีส์แบบไม่ลังเล และเป็นเหตุผลที่คนยังยอมซื้อ Ezio Collection มาเล่นบนเครื่องยุคใหม่กันอยู่เรื่อย ๆ


เหมาะไหมถ้าเริ่มซีรีส์ Assassin จาก Assassin’s Creed 2 เลย?

ถ้าคุณไม่เคยเล่น Assassin’s Creed ภาคไหนเลย แล้วถามว่า

“เริ่มที่ Assassin’s Creed 2 เลยได้ไหม หรือควรเริ่มภาค 1 ก่อน?”

คำตอบสั้น ๆ คือ เริ่มที่ Assassin’s Creed 2 ได้เลย

  • ภาค 2 ทบทวนคอนเซ็ปต์ Animus กับสงคราม Assassin–Templar ให้พอเข้าใจ
  • เนื้อเรื่องของ Ezio แทบจะยืนได้ด้วยตัวเอง
  • เกมเพลย์สนุกและเข้าถึงง่ายกว่าภาค 1 สำหรับผู้เล่นสมัยใหม่

ภาค 1 จะมีเสน่ห์แบบของตัวเอง ซึ่งถ้าเล่นแล้วอินกับโลกของซีรีส์ ก็สามารถย้อนกลับไปเก็บทีหลังได้ ไม่เสียหายอะไร แต่ถ้าอยาก “ตกหลุมรักซีรีส์นี้ให้เร็วที่สุด” Assassin’s Creed 2 คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดจุดหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย


ทิปส์สายชิล: กลับไปเล่น Assassin’s Creed 2 วันนี้ควรโฟกัสอะไรบ้าง

ใจเย็นกับระบบควบคุมยุค PS3

แม้เล่นผ่าน Ezio Collection แล้ว แต่พื้นฐานมันคือเกมปี 2009

  • ปุ่มบางอย่างยังไม่ลื่นเท่าเกมยุคหลัง
  • การปีนบางจุดอาจต้องลองจิ้มมุมหลายครั้ง

ถ้าเราปรับความคาดหวังไว้ก่อน จะไม่หัวร้อนเวลาพลาดตกตึกเล็ก ๆ น้อย ๆ

เล่นเน้นเนื้อเรื่องหลักก่อน แล้วค่อยเก็บเควสต์เสริม

เนื้อเรื่องของ Assassin’s Creed 2 ดีมากในตัวของมันเอง

  • ถ้าไม่ค่อยมีเวลา แนะนำให้ไล่เมนสตอรี่ให้จบก่อน
  • จากนั้นค่อยย้อนกลับมาเก็บสุสาน Assassin, เควสต์รอง, เก็บขนนก ฯลฯ

จะทำให้ pacing การเล่นรู้สึกสนุกกว่าการวอกแวกทันทีตั้งแต่ต้นเกม

ลงทุนอัปเกรดวิลล่า Monteriggioni

ระบบวิลล่าไม่ได้มีไว้เป็นของเล่นเฉย ๆ แต่เป็น เครื่องผลิตเงิน ให้เราอีกทางหนึ่ง

  • ยิ่งอัปเกรดร้านค้า ตึก อาคารในเมือง รายได้ก็ยิ่งสูง
  • เงินที่ได้มาเอาไปซื้ออาวุธและเกราะระดับสูง ช่วยให้การต่อสู้ปลายเกมง่ายขึ้น

คิดซะว่าเป็น “พอร์ตการลงทุนระยะยาว” ของ Ezio นั่นแหละ

อ่าน Database บ้างก็เพลินดีนะ

ถ้าคุณเป็นสายชอบประวัติศาสตร์/ศิลปะนิด ๆ การอ่านแผ่นข้อมูลที่โผล่ตอนเรามองตึกหรืออนุสาวรีย์จะช่วยให้

  • รู้ว่าเรากำลังยืนอยู่หน้าตึกอะไรในโลกจริง
  • เข้าใจบริบทของตัวละครบางคนมากขึ้น

มัน คือรูปแบบหนึ่งของ “สารคดีแบบเล่นได้” ที่ซีรีส์ Assassin’s Creed ทำเก่งมาตลอด


FAQ: คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Assassin’s Creed 2

ถาม: Assassin’s Creed 2 ออกปีไหน และลงเครื่องอะไรบ้าง?
ตอบ: Assassin’s Creed 2 ออกครั้งแรกในปี 2009 บน PlayStation 3 และ Xbox 360 จากนั้นตามมาด้วยเวอร์ชัน PC ในปี 2010 และ Mac OS X ในปลายปีเดียวกัน ปัจจุบันสามารถเล่นในรูปแบบรีมาสเตอร์ผ่านชุด Assassin’s Creed The Ezio Collection บน PS4, Xbox One และ Nintendo Switch (เล่นบน PS5/Xbox Series ผ่าน Backward Compatible ได้)


ถาม: Assassin’s Creed 2 ต่างจากภาคแรกยังไง?
ตอบ: ภาค 2 แก้หลายอย่างที่ภาคแรกถูกบ่น เช่น ภารกิจที่หลากหลายขึ้น ระบบพาร์คัวร์ลื่นขึ้น เพิ่มระบบเงิน/วิลล่า และเล่าเนื้อเรื่องผ่านตัวเอกอย่าง Ezio ที่มีเสน่ห์และมีพัฒนาการชัดเจนกว่ามาก หลายรีวิวบอกตรงกันว่ามันคือ “ภาคต่อที่ดีขึ้นแทบทุกด้านจากภาคแรก”


ถาม: อยากเล่น Assassin’s Creed 2 ในปี 2025–2026 ควรซื้อเวอร์ชันไหนดี?
ตอบ: ถ้าไม่ติดเรื่องสะสมของเก่า แนะนำชุด The Ezio Collection เลย เพราะได้ทั้ง Assassin’s Creed 2, Brotherhood, Revelations พร้อม DLC แคมเปญเดี่ยวครบชุด และเป็นเวอร์ชันรีมาสเตอร์ปรับภาพให้เหมาะกับจอยุคใหม่ รองรับทั้ง PS4/PS5, Xbox One/Series และ Nintendo Switch


ถาม: เนื้อเรื่องภาคนี้ต้องเล่นภาค 1 มาก่อนถึงจะเข้าใจไหม?
ตอบ: ไม่จำเป็น ภาค 2 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับผู้เล่นใหม่ เพราะอธิบายพื้นฐานของ Animus และสงคราม Assassin–Templar ให้เข้าใจได้ในตัวเอง ส่วนเรื่องของ Desmond จากภาค 1 จะถูกทบทวนให้พอจับทางได้อยู่แล้ว ถ้าชอบมากค่อยย้อนกลับไปเก็บภาค 1 ทีหลังก็ยังทัน


ถาม: Assassin’s Creed 2 ยังน่าเล่นอยู่ไหม เมื่อเทียบกับภาคใหม่ ๆ อย่าง Mirage หรือ Shadows?
ตอบ: ถ้ามองด้านเทคนิค แน่นอนว่าภาคใหม่ ๆ อย่าง Mirage และ Shadows จะภาพสวย ระบบละเอียด และพาร์คัวร์/คอมแบตลื่นกว่า แต่ในด้านบรรยากาศเมืองยุคเรอเนสซองส์ การเล่าเรื่องของ Ezio และความรู้สึก “วิ่งบนหลังคาฟลอเรนซ์/เวนิส” Assassin’s Creed 2 ยังเป็นภาคที่แฟนจำนวนมากยกให้เป็นภาคโปรด ไม่แพ้ภาคใหม่เลย


ถาม: เกมนี้โฟกัสเนื้อเรื่องหรือระบบลอบสังหารมากกว่ากัน?
ตอบ: เอาจริงคือ “โฟกัสทั้งคู่” แต่จุดที่ทำให้คนจำได้มากคือเนื้อเรื่องของ Ezio ที่มีทั้งความสนุก เศร้า โรแมนติก และดาร์กในเวลาเดียวกัน ส่วนระบบลอบสังหาร–พาร์คัวร์ก็เป็นแกนหลักที่ทำให้เกมเพลย์สนุกและไหลลื่นไปตลอดเกม


ถาม: เล่นจบ Assassin’s Creed 2 แล้วควรต่อภาคไหนต่อเลย?
ตอบ: ต่อเนื่องตรงที่สุดคือ Assassin’s Creed Brotherhood แล้วตามด้วย Revelations เพื่อปิดไตรภาคของ Ezio ให้สมบูรณ์ (ทั้งสองภาคอยู่ใน The Ezio Collection เหมือนกัน) จากนั้นจะเลือกไปเล่นภาค III, Black Flag หรือกระโดดไปยุคใหม่เลยอย่าง Origins / Odyssey / Valhalla ก็แล้วแต่สไตล์คุณ


ถาม: คนที่สนใจประวัติศาสตร์จะชอบ Assassin’s Creed 2 ไหม?
ตอบ: น่าจะชอบมาก เพราะเกมอัดข้อมูลยุคเรอเนสซองส์มาแน่น ทั้งเมืองสำคัญ บุคคลจริง เหตุการณ์การเมือง และงานสถาปัตยกรรม แถมมี Database ให้กดอ่านข้อมูลเพิ่มแบบสั้น ๆ อ่านง่าย ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเดินถ่ายรูปโบสถ์ หอคอย หรือตรอกซอยเก่า ๆ ในชีวิตจริง เกมนี้จะยิ่งมีเสน่ห์เป็นพิเศษ


สรุป: Assassin’s Creed 2 เมืองแห่งหลังคากระเบื้อง ท้องฟ้าสีทอง และตำนานมือสังหารชื่อ Ezio

สำหรับเรา Assassin’s Creed 2 ไม่ใช่แค่เกมเก่าปี 2009 ที่เอามาพูดถึงด้วยความคิดถึง แต่มันคือ “จุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีส์ทั้งชุด”

  • มันพิสูจน์ว่า Assassin’s Creed ไม่ได้มีดีแค่ไอเดีย Animus แต่เล่าเรื่องดราม่าส่วนตัวของตัวละครได้ดีมาก
  • มันทำให้ชื่อ EzioAuditore กลายเป็นหนึ่งในตัวเอกเกมที่คนรักมากที่สุดตลอดกาล
  • มันใช้โลกยุคเรอเนสซองส์เป็นทั้งสนามปีน และห้องเรียนประวัติศาสตร์ที่เดินได้
  • มันวางสูตรสำเร็จให้ภาคต่อ ๆ มา ทั้งเรื่องพาร์คัวร์ เมืองใหญ่ ระบบเศรษฐกิจ และเควสต์เสริม

ในยุคที่ซีรีส์เดินหน้าไปไกลถึง Mirage, Shadows และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่าย ๆ ตำนานของ Assassin’s Creed 2 ก็ยังถูกอ้างถึงอยู่เสมอ ทั้งในบทวิเคราะห์ ทั้งในฟอรั่ม ทั้งในใจของคนเล่นที่เคยยืนบนยอดหอระฆังในฟลอเรนซ์แล้วกระโดดลงกองฟางครั้งแรก

ถ้าเวลาชีวิตวันนี้ทำให้คุณวิ่งเร็วเกินไป ลองหาวันหนึ่งที่เงียบหน่อย ดาวน์โหลด Ezio Collection เปิดเครื่อง แล้วกลับไปเดินเล่นในเวนิสยามค่ำ วิ่งบนหลังคา ทักทาย Leonardo และฟังเสียงระฆังเมืองดังไกล ๆ อีกครั้ง คุณอาจจะพบว่าตัวเองยิ้มกว้างอยู่หน้าจอ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉากต่อไปอาจเป็นดราม่าหนักหนา

และในโลกจริงที่เราก็ยังชอบ “ลุ้น” เหมือน Ezio ลุ้นกระโดดข้ามช่องหลังคา บางคนก็อาจอยากไปลุ้นสกอร์ ลุ้นราคาต่อรองบนเว็บอย่าง ยูฟ่าเบท กันต่อหลังปิดเกม แต่ไม่ว่าจะลุ้นบนหลังคาฟลอเรนซ์ หรือบนหน้าจอมือถือ สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ เราควรรู้ว่าตัวเองกำลังก้าวไปที่ไหน และพร้อมรับผลจากการกระโดดครั้งนั้นเสมอ

เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตเราก็ไม่ต่างจากความทรงจำใน Animus ที่ต้องค่อย ๆ ซิงค์ทีละเปอร์เซ็นต์ – บางวันก็ปีนขึ้น บางวันก็หล่นตก แต่ตราบใดที่เรายังกล้าลุกขึ้นปีนใหม่อีกครั้ง เรื่องราวของเรา ก็ยังเขียนต่อไปได้เหมือนที่ Assassin’s Creed 2 เคยเขียนตำนานของ Ezio ให้เราอ่าน…ครั้งแล้วครั้งเล่า 💚